ประเดิมรีวิวแรกของเว็บกับบทวิจารณ์เกมแอคชั่นที่หลายคนรอคอย Max Payne 3
เกม: | Max Payne 3 |
เครื่อง: | PC |
ผู้พัฒนา: | Rockstar Studios |
ผู้จัดจำหน่าย: | Rockstar Games |
ผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทย: | PGM Game Master |
เมื่อครั้งแรกที่ผมทราบว่ามีภาคต่อของเกมอย่าง Max Payne เกมที่หายไปยาวนานถึง 9 ปีผมก็ค่อนข้างดีใจพอสมควรเพราะเกมนี้เป็นเกมนึงที่สมัยนั้นเป็นต้นแบบเกมแอคชั่นที่สนุกและกราฟิกก็สวยมาก จนผมสนใจว่า Max Payne 3 จะออกมาในรูปแบบไหนเนื่องจากหากจะว่ากันในส่วนของเนื้อเรื่องนั้นภาค 2 ก็ถือว่าสามารถเป็นบทสรุปของเนื้อเรื่องได้ทั้งหมดแล้ว แต่ต่อมาเมื่อผมรู้ว่าทาง Rockstar Games เป็นผู้พัฒนาแทนที่จะเป็นทีมงานเก่าอย่าง Remedy ผมก็เริ่มเกิดความไม่ค่อยไว้ใจ ที่ไม่ไว้ใจนี่ไม่ได้หมายความว่า Rockstar Games ทำเกมออกมาได้ไม่ดี (ผลงานหลังๆ ของค่ายนี้ก็อยู่ในระดับที่ดีอยู่แล้ว) แต่หมายถึงทิศทางของเกมที่จะเปลี่ยนไปเมื่อไม่ได้ทำโดยทีมงานเดิมมากกว่า ซึ่งปกติผมมักจะตั้งแง่แบบนี้ไว้แทบทุกเกมที่เปลี่ยนมือคนทำ ว่ามันจะแย่ลงในมุมมองของผมเพราะความเป็นต้นฉบับของมันได้สูญหายไปหมดแล้วนั่นเอง ผมเองค่อนข้างซีเรียสในเรื่องพวกนี้เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของซีรี่ส์ที่เจอแบบนี้มักจะไม่ค่อยถูกใจผมเท่าไหร่
ครั้งแรกที่ผมเปิดเกมขึ้นมาเล่นไม่ได้คิดอะไรมากมายนักเกี่ยวกับตัวเกม ครั้งแรกที่เปิดเกมขึ้นมารู้สึกขัดใจเล็กน้อยกับรูปแบบเมนูและตัวหนังสือที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกับผมเท่าไรนัก หลังจากปรับกราฟิกให้สุดเท่าที่แรมการ์ดจอผมจะเอื้ออำนวยผมก็เข้าไปเล่นทันทีโดยใช้ความยากระดับ Hard เพื่อทดสอบว่าผมจะทนทานต่อความยากของเกมนี้ได้แค่ไหน
การนำเสนอตัวเกมนั้นทำได้ดี ฉากต่างๆ จะถูกโหลดในระหว่างที่คุณกำลังดูคัทซีน ซึ่งหากคุณมีคอมพิวเตอร์ที่เร็วพอคุณจะไม่รู้สึกเลยว่ามันกำลังโหลดอยู่ การเล่าเรื่องทำได้ดีและน่าติดตาม ได้กลิ่นอายของความเป็นหนังสือการ์ตูนภาคแรกๆ มานิดหน่อยพอกล้อมแกล้ม ซึ่งตัวเกมนั้นแทบจะหลอมรวมคัทซีนและการเล่นไว้แทบจะเป็นหนึ่งเดียวกันคือคุณแทบจะไม่กล้าปล่อยมือออกจากเมาส์เลยเพราะไม่รู้ว่าตัวเกมจะเริ่มให้เราควบคุมได้ตอนไหน สำหรับคนที่ฟังอังกฤษทุกคำไม่ได้เป๊ะๆ ซับไตเติ้ลก็มีประโยชน์มากแต่พบว่าบางครั้งในฉากคัทซีนนั้นซับไตเติ้ลหายไปเป็นระยะเวลาสั้นๆ รวมถึงการจัดวางตัวหนังสือก็ขัดใจผมเล็กน้อย เนื้อเรื่องแทบทั้งหมดจะอยู่ในประเทศบราซิลเพราะเป็นภารกิจที่ลุงแม็กซ์ของเราต้องไปคุ้มครองครอบครัวธุรกิจครอบครัวนึงก็แน่นอนว่าต้องเจอวิบากกรรมไม่รู้จักจบจักสิ้น
Bullet Time เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเกมนี้ แน่นอนว่ายังไงก็ต้องมา ส่วนการเติมเลือดจะใช้ยาแก้ปวด (Painkiller) เช่น
ครั้งแรกที่ผมเปิดเกมขึ้นมาเล่นไม่ได้คิดอะไรมากมายนักเกี่ยวกับตัวเกม ครั้งแรกที่เปิดเกมขึ้นมารู้สึกขัดใจเล็กน้อยกับรูปแบบเมนูและตัวหนังสือที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกับผมเท่าไรนัก หลังจากปรับกราฟิกให้สุดเท่าที่แรมการ์ดจอผมจะเอื้ออำนวยผมก็เข้าไปเล่นทันทีโดยใช้ความยากระดับ Hard เพื่อทดสอบว่าผมจะทนทานต่อความยากของเกมนี้ได้แค่ไหน
การนำเสนอตัวเกมนั้นทำได้ดี ฉากต่างๆ จะถูกโหลดในระหว่างที่คุณกำลังดูคัทซีน ซึ่งหากคุณมีคอมพิวเตอร์ที่เร็วพอคุณจะไม่รู้สึกเลยว่ามันกำลังโหลดอยู่ การเล่าเรื่องทำได้ดีและน่าติดตาม ได้กลิ่นอายของความเป็นหนังสือการ์ตูนภาคแรกๆ มานิดหน่อยพอกล้อมแกล้ม ซึ่งตัวเกมนั้นแทบจะหลอมรวมคัทซีนและการเล่นไว้แทบจะเป็นหนึ่งเดียวกันคือคุณแทบจะไม่กล้าปล่อยมือออกจากเมาส์เลยเพราะไม่รู้ว่าตัวเกมจะเริ่มให้เราควบคุมได้ตอนไหน สำหรับคนที่ฟังอังกฤษทุกคำไม่ได้เป๊ะๆ ซับไตเติ้ลก็มีประโยชน์มากแต่พบว่าบางครั้งในฉากคัทซีนนั้นซับไตเติ้ลหายไปเป็นระยะเวลาสั้นๆ รวมถึงการจัดวางตัวหนังสือก็ขัดใจผมเล็กน้อย เนื้อเรื่องแทบทั้งหมดจะอยู่ในประเทศบราซิลเพราะเป็นภารกิจที่ลุงแม็กซ์ของเราต้องไปคุ้มครองครอบครัวธุรกิจครอบครัวนึงก็แน่นอนว่าต้องเจอวิบากกรรมไม่รู้จักจบจักสิ้น
Bullet Time เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเกมนี้ แน่นอนว่ายังไงก็ต้องมา ส่วนการเติมเลือดจะใช้ยาแก้ปวด (Painkiller) เช่น
เดิมแต่จะมีระบบที่เรียกว่า “Last Stand” เพิ่มเข้ามาคือหากเราไม่ได้กด tab เพื่อเติมเลือดเองหากเราถูกยิงจนเกือบตาย ตัวเกมจะตัดเข้าสู่โหมด Bullet Time และโฟกัสให้เราจัดการศัตรูที่ยิงเราซะ หากจัดการได้ก็จะเป็นการเติมเลือดให้เรา แต่หากเราไม่มียาเหลือก็หมายความว่าเราต้องไปเล่นใหม่ (ก็คือตายนั่นเอง) ถือว่าเป็นระบบที่น่าสนใจทีเดียวเพราะทำให้เราไม่ต้องไปพะวงเรื่องการเติมเลือดบ่อยนัก ผมเล่นตลอดทั้งเกมแทบไม่ต้องใช้การเติมเลือดเองเลย แต่บางครั้งระบบนี้ก็มีข้อเสียคือหากเราโดนศัตรูยิงจากมุมไหนก็ไม่รู้ และหากเรากำลังล้มลงดันมีสิ่งกีดขวางมาบังการยิงของเราทำให้ยิงเจ้าตัวปัญหาไม่ได้ก็หมายความว่าต้องไปเล่นใหม่ 555 พูดถึงระบบ Shootdodge จากภาคเก่ายังกลับมาให้ใช้ในภาคนี้เช่นเดิมครับ
สิ่งที่ผมว่าโดดเด่นมากในภาคนี้คือระบบการใช้ที่กำบัง (Cover System) ที่ทำให้ Max Payne 3 กลายเป็นเกมที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น รวมถึงระบบ Bullet Cam ที่ถูกใจผู้ที่นิยมความสะใจแน่นอน เพราะจะได้เห็นกระสุนพุ่งเข้าตัวศัตรูกันแบบชัดๆ รวมถึงการดำเนินตัวเกมที่ไร้ฉาก loading เรียกว่าสามารถต่อระหว่างคัทซีนและตัวเกมได้แนบเนียนมากๆ
Single Player สามารถเล่นจบได้ภายในระยะเวลา 1 วันหากเทียบแล้วก็น่าจะสัก 10 ชั่วโมงโดยประมาณ สำหรับผมถือว่าตัวเกมไม่ได้ยาวไม่ได้สั้นเกินไปและเนื้อเรื่องทำได้น่าติดตามและลุ้นระทึกตลอดทั้งเกม
Multi Player ผมเองไม่ได้เข้าไปเล่นสักเท่าไหร่นัก แต่ถามว่าlag มั๊ยบอกว่ามีแน่นอนแต่อยู่ในระดับที่สามารถเล่นได้สนุกครับ โหมดนี้รองรับสูงสุด 16 คนต่อเกมและมีโหมดให้เล่นเยอะใช้ได้ทีเดียว รวมถึงมีระบบการเก็บ ranking และปลดล็อคของด้วย นอกจากนี้สามารถสร้าง crew ร่วมกับเพื่อนๆ เพื่อรวมตัวกันเล่นเกมหรือรับสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่เหนือกว่าผู้เล่นที่ไม่มีได้ ในการเล่นสามารถใช้ Bullet Time ได้หากมีแถบ Adrenaline เพียงพอและผู้เล่นที่อยู่ในรัศมีของตัวเราก็จะช้าตามไปด้วย ถือว่าสนุกเลยละเล่นได้เพลินๆ
กราฟิกเกมนี้ทาง Rockstar Games ใช้เอนจิ้นหลักของตัวเองคือ RAGE เวอร์ชั่นล่าสุดที่พัฒนาให้รองรับ DirectX 11 กราฟิกผมว่าคุณภาพค่อนข้างกระจัดกระจายตลอดทั้งเกม มีสวยบ้างไม่สวยบ้างสลับกันไป การใช้ DirectX 11 ลูกเล่นนึงที่ได้เห็นบ่อยๆ คือการใช้ Tessellation ในหลายๆ ฉากก็ถือว่าน่าสนใจไม่เบา รวมๆ เรื่องกราฟิกผมว่าฉากในอาคารจะสวยกว่านอกอาคาร แต่คุณภาพโดยรวมถือว่าเยี่ยม เล่นได้ลื่นไหลตลอดทั้งเกมไม่มีสะดุดอะไรครับ
สิ่งที่ผมว่าโดดเด่นมากในภาคนี้คือระบบการใช้ที่กำบัง (Cover System) ที่ทำให้ Max Payne 3 กลายเป็นเกมที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น รวมถึงระบบ Bullet Cam ที่ถูกใจผู้ที่นิยมความสะใจแน่นอน เพราะจะได้เห็นกระสุนพุ่งเข้าตัวศัตรูกันแบบชัดๆ รวมถึงการดำเนินตัวเกมที่ไร้ฉาก loading เรียกว่าสามารถต่อระหว่างคัทซีนและตัวเกมได้แนบเนียนมากๆ
Single Player สามารถเล่นจบได้ภายในระยะเวลา 1 วันหากเทียบแล้วก็น่าจะสัก 10 ชั่วโมงโดยประมาณ สำหรับผมถือว่าตัวเกมไม่ได้ยาวไม่ได้สั้นเกินไปและเนื้อเรื่องทำได้น่าติดตามและลุ้นระทึกตลอดทั้งเกม
Multi Player ผมเองไม่ได้เข้าไปเล่นสักเท่าไหร่นัก แต่ถามว่าlag มั๊ยบอกว่ามีแน่นอนแต่อยู่ในระดับที่สามารถเล่นได้สนุกครับ โหมดนี้รองรับสูงสุด 16 คนต่อเกมและมีโหมดให้เล่นเยอะใช้ได้ทีเดียว รวมถึงมีระบบการเก็บ ranking และปลดล็อคของด้วย นอกจากนี้สามารถสร้าง crew ร่วมกับเพื่อนๆ เพื่อรวมตัวกันเล่นเกมหรือรับสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่เหนือกว่าผู้เล่นที่ไม่มีได้ ในการเล่นสามารถใช้ Bullet Time ได้หากมีแถบ Adrenaline เพียงพอและผู้เล่นที่อยู่ในรัศมีของตัวเราก็จะช้าตามไปด้วย ถือว่าสนุกเลยละเล่นได้เพลินๆ
กราฟิกเกมนี้ทาง Rockstar Games ใช้เอนจิ้นหลักของตัวเองคือ RAGE เวอร์ชั่นล่าสุดที่พัฒนาให้รองรับ DirectX 11 กราฟิกผมว่าคุณภาพค่อนข้างกระจัดกระจายตลอดทั้งเกม มีสวยบ้างไม่สวยบ้างสลับกันไป การใช้ DirectX 11 ลูกเล่นนึงที่ได้เห็นบ่อยๆ คือการใช้ Tessellation ในหลายๆ ฉากก็ถือว่าน่าสนใจไม่เบา รวมๆ เรื่องกราฟิกผมว่าฉากในอาคารจะสวยกว่านอกอาคาร แต่คุณภาพโดยรวมถือว่าเยี่ยม เล่นได้ลื่นไหลตลอดทั้งเกมไม่มีสะดุดอะไรครับ
สิ่งที่ Max Payne 3 โดดเด่นอีกอย่างคือระบบฟิสิกส์ที่ทาง Rockstar เลือกใช้บริการเจ้าเดิมคือ Euphoria ทำให้การเคลื่อนไหวดูลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากๆ ก็อาจมีอะไรสะดุดนิดหน่อยเช่นพวกศพที่เวลาเราไปเดินผ่านก็อาจมีการตอบสนองที่แปลกบ้าง แต่การใช้ Euphoria ทำให้เราสนุกกับตัวเกมได้มากหากเทียบกับพวกข้อเสียก็ขี้ปะติ๋วครับ
เพลงที่เลือกมาก็เข้ากับตัวเกมได้เป็นอย่างดี เมื่อมีการปะทะเกิดขึ้นก็สามารถใช้เสียงดนตรีในการเพิ่มอารมณ์ร่วมได้อีกมาก เสียงประกอบไม่มีที่ติอะไรเพราะใส่ใจในรายละเอียดครับ เสียงปืนอะไรก็ให้รายละเอียดที่ดีหากคุณมีหูฟังหรือลำโพงที่ดีพอ
ตลอดเวลาที่ผมเล่นมาเจอบั๊กบ้างประปราย เช่นหลังจากตัดคัทซีนแล้วกลับไม่เข้าตัวเกมให้ หรืออยู่ดีๆ ก็ขึ้นหน้าจอดำให้ Retry ซะอย่างงั้น หรือบางครั้งหลังจากใช้ Shootdodge แล้วตัวเกมค้างไปเลยมุมกล้องไม่ขยับ ต้องปิดเกมแล้วเข้าใหม่ถึงจะเข้ามาเล่นต่อได้ แต่รวมๆ แล้วไม่มีปัญหาอะไรใหญ่นัก
สรุปแล้วคือ Max Payne 3 ทำได้ดีกว่าที่ผมคาดไว้ ถึงแม้ว่าความคิดลึกๆ ของผมจะค่อนข้างดูแคลนภาคนี้ตั้งแต่ตอนเปิดตัว (ต่างจากคุณ Chorchef ฮ่าๆ) เนื่องจากเอกลักษณ์ความเป็นฟิล์มนัวร์สองภาคแรกหายไปเรียบ กลายเป็นเกมแอคชั่นสไตล์ป๋าบรู๊ซใน Die Hard จะว่าอย่างงั้นก็ได้ แต่หากมองเหตุของการที่จะปลุกซีรี่ส์นี้กลับมาโลดแล่นในวงการเกมอีกครั้งนั้นก็จำเป็นที่จะต้องหาทิศทางการนำเสนอเสียใหม่ อันนี้ก็อาจเป็นเหตุผลนึงที่อารมณ์ฟิล์มนัวร์แบบภาคเก่าๆ อาจจะต้องหายไปตามกาลเวลา แต่ผมว่าตัวเกมโดยรวมยังรักษาเอกลักษณ์อื่นๆ ไว้ได้เป็นอย่างดี และผมก็คิดว่าเกมที่ดุเดือดระดับ Max Payne นั้นปัจจุบันอาจไม่มีค่ายไหนที่เหมาะไปกว่า Rockstar Games อีกแล้วสำหรับการทำเกมเกมสไตล์นี้ออกมา
หากคุณชอบเกมแอคชั่นแบบดุเดือดไม่บันยะบันยัง เรียกว่าตลอดทั้งเกมไม่ต้องหยุดหายใจกันไปข้าง (เนื้อหาเกมค่อนข้างแรงทั้งภาพและคำพูดตามสไตล์เกมค่ายนี้) Max Payne 3 เป็นเกมแอคชั่นที่สามารถขึ้นหิ้งไปเทียบกับสองภาคแรกได้แบบสบายๆ ครับ ลุงแม็กซ์เขากลับมาแล้วและกลับมาได้อย่างทันยุคทันสมัยเสียด้วย ไม่ควรพลาดครับ
การนำเสนอ 8.5/10
ระบบการเล่น 9/10
กราฟิก 9/10
เสียง 9/10
คะแนนรวม 9/10
ระบบการเล่น 9/10
กราฟิก 9/10
เสียง 9/10
คะแนนรวม 9/10
ขอขอบคุณทาง PGM Game Master (www.pgmgame.com) ผู้จัดจำหน่าย Max Payne 3 ในประเทศไทยเป็นอย่างสูงที่เอื้อเฟ้อตัวเกมในการทดสอบครับ
สำหรับใครที่ยังไม่เคยชม Let's Play ของทางเราก็ชมได้เลยจากคลิปด้านล่างครับ